อัยการสูงสุดสั่งฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในคดี 112
อัยการสูงสุดสั่งฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในคดี 112 โดยเลื่อนนัดส่งตัวฟ้องต่อศาลเป็น 18 มิ.ย. หลังเจ้าตัวแจ้งติดวิด-19 แม้นายทักษิณ ผู้ต้องหาคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ไม่ได้ปรากฏตัวที่สำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) ถ.รัชดาภิเษก ช่วงเช้าวันนี้ (29 พ.ค.) ตามนัดหมายของสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 8 ให้ไปรับฟังคำสั่งคดี แต่นายประยุทธ เพชรคุณ โฆษกสำนักงาน อสส. ยังเดินหน้าอ่านคำสั่ง อสส. ตามกำหนดเดิม
นายอำนาจ เจตน์เจริญรักษ์ อัยการสูงสุด ได้ตรวจพิจารณาสำนวน และมีคำสั่งคดีเมื่อ 27 พ.ค. 2567 โดยสั่งฟ้อง พ.ต.ท. หรือนายท้กษิณ ชินวัตร ฐานร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 มาตรา 112 คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 41 ลงวันที่ 21 ต.ค. 2519 ข้อ 1 พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 3 มาตรา 14 (3) พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2560 มาตรา 8” นายประยุทธกล่าว
วานนี้ (28 พ.ค.) นายทักษิณทำหนังสือถึงอัยการแจ้งขอเลื่อนการฟังคำสั่งคดีออกไปก่อน โดยให้เหตุผลว่า “ติดโควิด-19” พร้อมแนบใบรับรองแพทย์ประกอบ โดยแพทย์ให้หยุดพักเพื่อสังเกตอาการใน 7 วัน นับตั้งแต่ 28 พ.ค.-3 มิ.ย. จึงมีเพียงนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความผู้รับมอบอำนาจ เดินทางเข้าพบอัยการแทน
โฆษกสำนักงาน อสส. กล่าวว่า วันนี้พนักงานอัยการไม่สามารถยื่นฟ้องนายทักษิณต่อศาลได้ เนื่องจากเจ้าตัวไม่ได้มาพบพนักงานอัยการตามนัด โดยมอบหมายให้ทนายความยื่นขอเลื่อนฟังคำสั่งออกไปเป็นวันที่ 25 มิ.ย. พร้อมแนบใบรับรองแพทย์ยืนยันว่าป่วยเนื่องจากติดโควิด-19
สำหรับคดีนี้ เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2559 สำนักงานอัยการสูงสุดได้รับสำนวนคดีการกระทำความผิดนอกราชอาณาจักรจากพนักงานสอบสวน กองกำกับการ 3 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ต.อ. โอฬาร สุขเกษม ผู้กล่าวหา พันตำรวจโทหรือนายทักษิณ ชินวัตร ข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคง เหตุเกิดเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2558 ที่กรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้) และประเทศไทยเกี่ยวพันกันเนื่องจากคดีนี้เป็นคดีความผิดซึ่งมีโทษตามกฎหมายไทย ได้กระทำลงนอกราชอาณาจักรไทย จึงเป็นคดีที่อยู่ในอำนาจของอัยการสูงสุดเป็นผู้รับผิดชอบดำเนินคดี โดยในชั้นแรก พันตำรวจโทหรือนายทักษิณ ชินวัตร หลบหนี ยังไม่ได้ตัวมาสอบสวน ร.ต.ต. พงษ์นิวัฒน์ ยุทธภัณฑ์บริภาร อัยการสูงสุดในขณะนั้น พิจารณาแล้วได้มีคำสั่งเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2559 เห็นควรสั่งฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร ตามข้อกล่าวหา
ต่อมาพันตำรวจโทหรือนายทักษิณ ชินวัตร ได้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร และถูกควบคุมตัวไว้ในคดีอื่น และในวันที่ 17 มกราคม 2567 อธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน และคณะ ร่วมกับพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบคดี ได้เข้าแจ้งข้อกล่าวหา พร้อมกับพฤติการณ์และข้อเท็จจริงทางคดีนี้ให้กับพันตำรวจโทหรือนายทักษิณ ชินวัตร ทราบแล้ว ปรากฏว่าผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ พร้อมกับยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุด และต่อมา อำนาจ เจตน์เจริญรักษ์ อัยการสูงสุด ได้มีคำสั่งสอบสวนเพิ่มเติมในประเด็นที่ผู้ต้องหาร้องขอความเป็นธรรม และพนักงานสอบสวนได้ดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติมครบถ้วนแล้ว พร้อมได้ส่งบันทึกคำให้การชั้นสอบสวนเพิ่มเติมให้กับอัยการสูงสุดพิจารณา
บัดนี้ อัยการสูงสุดได้ตรวจพิจารณาสำนวนและมีคำสั่งฟ้องพันตำรวจโทหรือนายทักษิณ ชินวัตร ฐานร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 112 คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 41 ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2519 ข้อ 1 พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 3, 14 (3) พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2560 มาตรา 8
The Attorney-General ordered the indictment of former Prime Minister Thaksin Shinawatra in the 112 case.
The Attorney-General ordered the indictment of former Prime Minister Thaksin Shinawatra in the 112 case by postponing the court’s appointment to be handed over to the court to 18 June.Y. After Chao Tua became addicted to Vid-19, even Mr. Thaksin, who is accused of the crime of lese majesty under Section 112 of the Criminal Code, did not appear at the Office of the Attorney-General (OS).) Ratchadaphisek Road this morning (29 B.E.C) According to the appointment of the Office of the Special Prosecutor for Criminal Cases 8, the case was ordered by Mr. Prayuth Petchkun, the spokesperson for the Office of the National Assembly. Still going through the V.A. Command. on original schedule
Mr. Amnat Jetcharoenrak, Attorney-General of the Supreme Court, reviewed the case and ordered the case on May 27.A. 2567, by filing a lawsuit against B.Mr. Thaksin Shinawatra or Mr. Thaksin Shinawatra, for co-defaming, defaming or vindicting the King, the Queen, and jointly importing into the computer system any computer information that is wrong with the Kingdom security. According to Section 83 of the Criminal Code, Section 112, the Order of the National Administrative Reform No. 41 dated October 21.The New World Translation of the Holy Scriptures, 1 / 15Computer Crimes Act B.E. 252007 Section 3, Section 14 (3) B.E.Computer Crime Act (No. 2) B.E.2017 Section 8,” said Mr. Prayuth.
Yesterday (28th February)C) Mr. Thaksin wrote a letter to the prosecution asking for the postponement of hearing the order of the case, citing that “Covid-19 infected” and attached a doctor’s certificate for the doctor’s intermission to observe the symptoms for 7 days from 28 May.[ Picture on page 23]Y. Therefore, only Mr. Vinythat Chatmontri, the attorney in charge, went to see the prosecutor instead.
A spokesperson for the Office of the M.S.A. The prosecutor was unable to file charges against Mr Thaksin in court today because he did not meet with the prosecutor by appointing lawyers to postpone the order until June 25.Y. Along with attaching a medical certificate confirming that he was sick due to COVID-19 infection.
For this case, on February 16, 2016, the Supreme Prosecutors’ Office received the case of extraterritorial misconduct from investigators, the 3rd Division of the Technology Crime Suppression Division, B.E. 2559.Police Lieutenant Olarn Sukkasem, who accused Police Lieutenant Colonel Thaksin Shinawatra of defaming, insulting or vindicting the King and Queen Ratchayat and jointly importing computer data related to security. The incident occurred in Seoul, Republic of Korea (South Korea) on May 21, 2015. And Thailand is connected because this case is a crime punishable by Thai law that was committed outside the Kingdom of Thailand. Therefore, it is under the jurisdiction of the Attorney-General who is responsible for the prosecution. First, Police Lieutenant Colonel or Mr. Thaksin Shinawatra escaped and has not yet been investigated.Pol. Col. Pongniwat Yuttaporn Boriphan, the Attorney General at the time, considered and ordered on September 19, 2016, it was deemed appropriate to order the indictment against Mr. Thaksin Shinawatra according to the allegations.
Later, Police Lieutenant Colonel Thaksin Shinawatra entered the kingdom and was detained in another case. On January 17, 2024, the Prosecutor General, the Bureau of Investigation, together with the investigator in charge of the case, reported the allegations and facts of the case to Police Lieutenant Colonel Thaksin Shinawatra. It appears that the suspect gave a refusal. The Attorney General also submitted a letter requesting justice to the Attorney General. Later, Attorney General Amnat Jetcharoenrak ordered an additional investigation on the issue of the suspect’s request for justice. The investigation team has already completed the investigation and sent a record of further investigation to the Attorney General.
The Attorney-General has now reviewed the remarks and ordered the indictment of Police Lieutenant Colonel Thaksin Shinawatra for allegedly defaming, insulting or vindicting the King, the Queen, the Crown Prince and jointly importing any computer information related to national security under section 83 of the Criminal Code. 112 Order of the National Administrative Reform Council No. 41 dated October 21, 1976, Clause 1, of the Computer Crime Act, B.E. 2549.2007 Section 3, 14 (3) of the Computer Crimes Act (No. 2) B.E.2560 B.E., Section 8