ทิศทางอนาคตไต้หวัน หลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ วิลเลียม ไล ชิง-เต๋อ จากพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า (DPP)
สื่อท้องถิ่นในไต้หวัน รายงานผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่และสมาชิกสภานิติบัญญัติจำนวน 113 คน ถูกมองว่าอาจเป็นการเปลี่ยนทิศทางความสัมพันธ์ของไต้หวันและจีนแผ่นดินใหญ่ในอนาคต โดยมีชาวไต้หวันผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งสิ้นราว 19.5 ล้านคน ในจำนวนนี้เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ซึ่งเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งครั้งแรก (New voter) อายุระหว่าง 20-23 ปี กว่า 1.02 ล้านคน จากข้อมูลของคณะกรรมการการเลือกตั้งไต้หวัน แม้ว่าคนรุ่นใหม่ไต้หวันจะมีความกังวลเกี่ยวกับแรงกดดันที่เพิ่มมากขึ้นของจีนต่อไต้หวัน แต่ปัญหาเรื่องค่าครองชีพ ค่าแรงตกต่ำและปัญหาที่อยู่อาศัยราคาสูงลิ่วจนเข้าถึงไม่ได้ กลับเป็นความกังวลที่ใหญ่กว่าสำหรับพวกเขาความกังวลนี้เป็นคำอธิบายอย่างดีว่าเหตุใด
ขณะเดียวกันการเลือกตั้งครั้งนี้เกิดขึ้นในห้วงเวลาที่ความตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐฯ พุ่งสูง โดยเป็นการแข่งขันระหว่าง 3 พรรคการเมืองใหญ่ ได้แก่ พรรคก๊กมินตั๋ง (KMT), พรรคประชาชนไต้หวัน (TPP) และพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า (DPP) พรรครัฐบาลเดิมที่หวังจะชนะการเลือกตั้งเข้าไปจัดตั้งรัฐบาลเป็นสมัยที่ 3 ซึ่งมักมีการปะทะกับรัฐบาลจีนมาโดยตลอดในเรื่องการปกป้องอธิปไตยของไต้หวัน
วิลเลียม ไล ชิง-เต๋อ ผู้ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีไต้หวัน จากพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า (DPP)
เป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีไต้หวันคนแรกในประวัติศาสตร์ ที่ได้รับคะแนนเสียงถึง 5 ล้านเสียง โหว โหย่วอี๋ แคนดิเดตประธานาธิบดีจากพรรคก๊กมินตั๋ง (KMT) ประกาศยอมรับความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งและขอบคุณผู้สนับสนุน พร้อมแสดงความยินดีกับวิลเลียม ไล โดยยืนยันว่าทุกพรรคต้องร่วมมือกันเพื่อให้ไต้หวันเป็นหนึ่งเดียว โดยการเลือกตั้งครั้งนี้จะมีผลต่ออนาคตความสัมพันธ์ในอีก 4 ปีข้างหน้าของไต้หวันที่ปกครองตนเองตามเเบบประชาธิปไตย กับจีน ซึ่งรวมถึงประเด็นความมั่นคงและสันติภาพในบริเวณดังกล่าว
วิลเลียม ไล ชิง-เต๋อ ว่าที่ประธานาธิบดีไต้หวันคนใหม่ เปิดแถลงข่าว ณ ที่ทำการพรรค DPP หลังรู้ผลนับคะแนนเลือกตั้ง ในตอนหนึ่งของการแถลงข่าว วิลเลียม ไล ชิง-เต๋อ ได้กล่าวถึงจีนด้วยว่าเขา “มุ่งมั่นที่จะปกป้องไต้หวันจากภัยคุกคามและการข่มขู่อย่างต่อเนื่องจากจีน” และภายใต้การบริหารของเขาจะยังคงรักษาสถานะของช่องแคบทางทะเลระหว่างจีนและไต้หวันเอาไว้คงเดิม เขาระบุด้วยว่า การรักษาสันติภาพและความมั่นคงในพื้นที่ช่องแคบไต้หวันเป็นความรับผิดชอบที่สำคัญ พร้อมบอกว่า รัฐบาลชุดนี้ จะ “ใช้การสนทนาแทนการเผชิญหน้า” ในการพูดคุยกับจีน ซึ่งก่อนหน้านี้ จีนได้ออกมาเตือนไม่ให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้กับไล และยังมองว่าเขาคือ “ตัวก่อปัญหา” ในสายตาของจีนด้วย
ผู้ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีทั้ง 3 พรรค คือใคร
วิลเลียม ไล ชิง-เต๋อ พรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า (DPP) ตำแหน่งล่าสุดของเขา คือ รองประธานาธิบดีไต้หวัน มีอายุ 64 ปี พร้อมกับจุดยืนพิทักษ์สถานะปกครองตนเองของไต้หวัน เขาเป็นอดีตแพทย์ที่จบจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และเริ่มหันหน้าเข้าสู่การเมืองจากเป็น สส. ผู้แทนเมืองไถหนาน ทางตอนใต้ ก่อนจะชนะเลือกตั้งเป็นนายกเทศมนตรีของเมืองในปี 2010 ต่อเนื่องถึงปี 2014 ด้วยคะแนนเสียงสูงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนถึง 74%
โหว โหย่วอี๋ พรรคก๊กมินตั๋ง (KMT) อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และนายกเทศมนตรีนครนิวไทเป 2 สมัย พรรคก๊กมินตั๋ง เป็นพรรคการเมืองเก่าแก่ซึ่งเคยปกครองเกาะไต้หวันมาอย่างยาวนาน 75 ปี ในการเลือกตั้งครั้งนี้ โหว และพรรคต้องการให้การเลือกตั้ง เป็นทางเลือกระหว่างสงครามและสันติภาพ ซึ่งเขาให้คำมั่นกับผู้มีสิทธิเลือกตั้งว่าจะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวันกับจีนดีขึ้น
เคอ เหวินเจ๋อ พรรคประชาชนไต้หวัน (TPP) อดีตแพทย์ที่ผันตัวเป็นนักการเมืองและอดีตนายกเทศมนตรีนครไทเป เคอก่อตั้งพรรค TPP ขึ้นมาในปี 2019 เพื่อให้เป็นทางเลือกระหว่างพรรค DPP และ KMT ที่ผูกขาดการเมืองไต้หวันมาตลอด เคอต้องการได้คะแนนเสียงจากโหวตเตอร์คนรุ่นใหม่ ด้วยการให้คำมั่นว่าจะดำเนินนโยบายเพื่อให้ผู้คนเข้าถึงการเป็นเจ้าของบ้านได้มากขึ้น และประกาศขึ้นค่าแรง การรณรงค์หาเสียงของเขายังเน้นการเป็นทางเลือกตั้งที่ 3 เป็นถนนสายกลางระหว่างสองพรรคการเมืองด้วย
ปฏิกิริยาจากจีนและนานาชาติ
สำนักงานกิจการไต้หวันของรัฐบาลจีนชี้ว่า ชัยชนะของวิลเลียม ไล “จะไม่ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ความสัมพันธ์ข้ามช่องแคบ” แถลงการณ์ของ เฉิน ปินหัว โฆษกสำนักงานกิจการไต้หวันของรัฐบาลจีน ที่เผยแพร่ผ่านซินหัว สำนักข่าวของทางการจีน ระบุด้วยว่า ผลการเลือกตั้งที่ออกมาพบว่าพรรคดีพีพีไม่สามารถเป็นตัวแทนความคิดเห็นกระแสหลักของประชาชนบนเกาะไต้หวันได้
ประธานาธิบดี โจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ซึ่งถือเป็นพันธมิตรสำคัญของไต้หวัน ตอบคำถามผู้สื่อข่าวก่อนทราบผลการเลือกตั้ง โดยยืนยันว่า สหรัฐฯ “ไม่สนับสนุนการแยกตัวเป็นเอกราชของไต้หวัน”
แอนโทนี บลิงเคน รมว.ต่างประเทศของสหรัฐฯ กล่าวแสดงความยินดีกับชัยชนะของวิลเลียม ไล และประชาชนไต้หวันที่ “แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของระบอบประชาธิปไตยและกระบวนการเลือกตั้งที่เข้มแข็ง” สหรัฐฯ กล่าวย้ำนโยบายของสหรัฐฯ ที่ต้องการสันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวัน รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างปักกิ่งและไทเปที่ “ปราศจากการบีบบังคับและการกดดัน”“เราตั้งตารอที่จะทำงานร่วมกับ ดร.ไล และผู้นำทุกฝ่ายของไต้หวันเพื่อพัฒนาผลประโยชน์และค่านิยมที่มีร่วมกันของเรา และเพื่อสานต่อความสัมพันธ์ที่ไม่เป็นทางการที่มีมายาวนานของเรา ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายจีนเดียวของสหรัฐฯ” แถลงการณ์ระบุ
สหภาพยุโรป (อียู) ออกแถลงการณ์แสดงความยินดีที่ชาวไต้หวันออกมาใช้สิทธิตามกระบวนการประชาธิปไตย แต่แสดงความกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดในช่องแคบไต้หวันที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และแสดงจุดยืนคัดค้านการกระทำใด ๆ ที่เป็นการเปลี่ยนแปลงสถานะเดิมระหว่างไต้หวันกับจีนหากปราศจากความยินยอมจากอีกฝ่าย
ขณะที่ เดวิด คาเมรอน รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ ออกแถลงการณ์แสดงความยินดีกับชัยชนะของวิลเลียม ไล และคาดหวังว่าจีนและไต้หวันจะพยายามอีกครั้งเพื่อแก้ไขความแตกต่างอย่างสันติ ผ่านการเจรจาที่สร้างสรรค์ โดยไม่มีการคุกคาม การใช้กำลัง หรือการบีบบังคับ
โยโกะ คามิกาวะ รัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่น ที่แสดงความยินดีต่อชัยชนะของวิลเลียม ไล และการเลือกตั้งที่เป็นไปอย่างราบรื่น พร้อมความคาดหวังว่าปัญหารอบไต้หวันจะได้รับการแก้ไขโดยสันติผ่านการพูดคุย ซึ่งจะช่วยส่งเสริมสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค ทั้งนี้ รมว.ต่างประเทศญี่ปุ่น ถือว่า “ไต้หวันเป็นหุ้นส่วนที่สำคัญอย่างยิ่งและเป็นเพื่อนคนสำคัญ” เนื่องจากมีค่านิยมพื้นฐานร่วมกัน มีความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจใกล้ชิด และมีการแลกเปลี่ยนในระดับประชาชน
ส่วน มาเรีย ซาคาโรวา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย ย้ำจุดยืนของรัสเซียที่ยังมองไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน
สำหรับท่าทีต่อจีนนั้น จีนก็ยังคงมองว่าชายผู้นี้เป็นพวกฝักใฝ่การแบ่งแยกดินแดน แถมยังมาพร้อมแนวคิดที่จะเผชิญหน้ากับจีนด้วย ตลอดเส้นทางการเมืองของไล่ชิงเต๋อเป็นที่รู้กันดีว่า เขาถือเป็นนักการเมืองคนหนึ่งที่แสดงท่าทีสนับสนุนเอกราชของไต้หวันอย่างชัดแจ้ง อย่างไรก็ดีความสำคัญในการรักษาสถานะที่เป็นอยู่ในปัจจุบันของไต้หวัน โดยยืนยันว่าไต้หวันเป็นประเทศที่มีอธิปไตยและเอกราชเป็นของตนเอง แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่มีแผนที่จะพาไต้หวันประกาศเอกราช ดังนั้นการที่ไล่ชิงเต๋อได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำคนใหม่ จะทำให้อุณหภูมิของช่องแคบไต้หวันเบาบางลงหรือร้อนระอุขึ้นกว่าเดิม
Taiwan’s future direction after the election of new President William Lai Qing-de of the Democratic Progressive Party (DPP).
Local media in Taiwan reported the election results of 113 new presidential candidates and legislators are seen as a possible change in Taiwan and mainland China’s relations, with a total of about 19 Taiwanese voters.5 million of these are the new generation of voters aged between 20 and 23, over 1.02 million Taiwanese election commissioners, despite concerns about China’s increasing pressure on Taiwan, the cost of living, labor costs and housing shortages have become a bigger concern for them.
Meanwhile, this election comes at a time when tensions between China and the U.S. are escalating between the three major political parties: the Kuomintang Party (KMT). The People’s Party of Taiwan (TPP) and the Progressive Democratic Party (DPP), former ruling parties hoping to win a third term in the election, have been fighting with the Chinese government over Taiwan’s sovereignty protection.
William Lai Qing-de, Taiwan’s presidential candidate from the Progressive Democratic Party. (DPP) He is the first Taiwanese presidential candidate in history to win 5 million votes. Wu Yue-e Candidates, President of the Kuomintang Party (KMT), announced his acceptance of the election defeat and thanked supporters and congratulated William Lai, insisting that all parties must cooperate to unite Taiwan. The election will affect Taiwan’s democratic relationship with China over the next four years, including security and peace in the area.
William Lai Qing-de, the new Taiwanese president, opened a press conference at the DPP office after he learned the results of his election campaign. In one episode of the press conference, William Lai Qing-de. He also said China is “committed to protecting Taiwan from continuous threats and threats from China,” and that under his administration, he will maintain the status of the Chinese-Taiwan Sea Strait. He also stated that maintaining peace and security in the Taiwan Strait area is an important responsibility, saying this government will “use dialogue instead of confrontation.” In his talk with China, which had earlier warned voters not to vote for Li, he also viewed him as a “troublemaker” in China’s eyes.
Who are the three presidential candidates?
William Lai Qing-de, the Democratic Progressive Party (DPP), his latest position is Taiwan’s vice president. He is 64 years old with a position to protect Taiwan’s self-governing status. He is a former doctor who graduated from Harvard University and started turning to politics as a congressman. The southern representative of Taitan City before winning the city’s mayor in 2010 continued to 2014 with an unprecedented 74 percent of the vote.
Wu Yoi of the Kuomintang Party (KMT), former National Police Commissioner and Mayor of New Taipei City for two terms, the Kuomintang Party is an old political party that has ruled Taiwan for 75 years. In this election, Woh and the party want the election to be a choice between war and peace, in which he pledged to improve Taiwan-China relations.
Ke Wenze, the Taiwanese People’s Party (TPP), a former doctor who turned into a politician and former Taipei mayor, founded the TPP in 2019 to provide an inter-party alternative. The DPP and KMT, which have always dominated Taiwan politics, want to win votes from younger voters by pledging policies to give people more access to home ownership and announcing higher wages. His campaign also emphasized the third option as a middle road between the two parties.
Reactions From China and International
The Chinese government’s Taiwan Affairs Office pointed out that William Lai’s victory “will not change the landscape of cross-strait relations,” a statement by Chen Pinhua, a spokesman for the Chinese government’s Taiwan affairs office, also said the results of the election showed that the DPP party could not represent mainstream opinion on Taiwan.
President Joe Biden of the U.S., who is considered a key ally of Taiwan, answered reporters’ questions before learning of the election results, insisting that the U.S. “does not support Taiwan’s independence.”
Anthony Blinken, Minister.The U.S. foreign ministry congratulated William Lai’s victory and the Taiwanese people, “shows the strength of democracy and a strong election process.” The U.S. emphasized its policy of seeking peace and stability in the Taiwan Strait, including Beijing-Taipe relations “without coercion and pressure.” We look forward to working with Dr.Lai and all Taiwan’s leaders to develop our common interests and values and to continue our long-standing informal relationship, in line with the U.S. single Chinese policy,” the statement said.
The European Union (EU) issued a statement congratulating Taiwan’s exercise of democratic rights, but expressed concern over the growing tensions in the Taiwan Strait and expressed its position against any action that would change the status quo between Taiwan and China without mutual consent.
Meanwhile, British Foreign Secretary David Cameron. issued a statement congratulating William Lai’s victory and expecting China and Taiwan to make another effort to resolve the differences peacefully through constructive negotiations without threats, violence or coercion.
Japanese Foreign Minister Yoko Kamikawa congratulated William Lai’s victory and smooth elections. He also expressed his hope that the Taiwan issue will be resolved peacefully through dialogue, which will help promote peace and stability in the region.Foreign countries in Japan consider “Taiwan is an extremely important partner and an important friend” because of their shared fundamental values, close economic relations and exchanges at the people’s level.
Russian Foreign Ministry spokesman Maria Sakarova reiterated Russia’s position that Taiwan is still viewed as a part of China.
As for the attitude toward China, China still sees the man as a separatist and comes up with ideas to confront China. Along the way, Zhao Qingdao’s political path is known to be a politician who clearly shows his support for Taiwan’s independence.The importance of maintaining Taiwan’s current status is that it has its own sovereignty and independence. However, he has no plans to bring Taiwan to declare independence. As a new leader, Zhao Qingdao will lower or hotter temperatures in the Taiwan Strait.