ผู้ว่าฯ ททท. เผยโครงการ “ตำรวจจีน” ลาดตระเวนในไทย โฆษกรัฐบาล ชี้แจงหลังเกิดดราม่า บอกแค่ทำงานร่วมกันในการให้ข้อมูลเบาะแส
ประเด็นร้อนต้อนรับต้นสัปดาห์คงหนีไม่พ้นตำรวจจีน ที่ชาวเน็ตกำลังวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในโลกโซเชียล หลังจากกรณี น.ส.ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) แถลงผลภายหลังการประชุมร่วมกับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ว่า นายกรัฐมนตรีได้ติดตามเรื่องความปลอดภัย คุณภาพสินค้า และการบริหารที่จะให้กับนักท่องเที่ยว รวมถึงการสร้างประสบการณ์ให้กับนักท่องเที่ยวในการอยู่ที่ประเทศไทย
หลังเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ เกี่ยวกับการนำตำรวจจีนเข้ามาในประเทศไทย ล่าสุด นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงกรณี มาตรการรักษาความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยวจีนเกิดความเชื่อมั่นว่า จากการประชุมหารือเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 12 พฤศจิกายน 2566 ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เพียงหนึ่งชั่วโมงครึ่งก่อนนายกรัฐมนตรีและคณะจะเดินทางไปเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ที่สหรัฐฯ ในหารือ ซึ่งมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ได้หารือเรื่องความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวจีน โดยเฉพาะปัญหาความปลอดภัยจากคนจีนกลุ่มสีเทาที่เข้ามาสร้างปัญหาในประเทศไทย
เมื่อถามว่ามีเหตุผลความจำเป็นอะไรที่ต้องให้ตำรวจจีนเข้ามาประเทศไทย น.ส.ฐาปนีย์กล่าวว่า เราต้องการให้ตำรวจจีนเห็นการทำงานของประเทศไทย ว่าเรายกระดับเรื่องความปลอดภัยอย่างไรบ้าง ให้เขาเป็นกระบอกเสียงส่งต่อให้กับนักท่องเที่ยวจีน เพราะคนจีนกลัวตำรวจมาก ถ้าตำรวจของเขามาแสดงความมั่นใจในเมืองไทย ก็จะช่วยยกระดับความมั่นใจให้นักท่องเที่ยวจีนอีกขั้นหนึ่ง
โดยทาง สตช. รายงานว่า พฤติกรรมของอาชญากรรมที่เกิดขึ้นในมุมของคนจีนที่มาท่องเที่ยวเมืองไทย พบว่าพวกกลุ่มคนจีนสีเทา มีความเกรงกลัวตำรวจจีนด้วยกันเอง และนักท่องเที่ยวจีนจะรู้สึกปลอดภัยเป็นพิเศษจากพวกเกเรทั้งหลายที่เป็นคนจีนด้วยกัน แต่มารังแกคนจีนที่มาท่องเที่ยวไทย หากมีตำรวจจีนมาช่วยดูแล เขาจะรู้สึกเชื่อมั่นเป็นพิเศษ ดังนั้น ตำรวจของไทยจึงคิดว่า กลยุทธ์ที่ดีที่สุดในการกำราบกลุ่มจีนสีเทา คือขอให้ตำรวจจีนเป็นผู้ช่วยในการปฎิบัติงาน ซึ่งปกติการทำงานร่วมกันของตำรวจสากลมีการทำงานร่วมกันอยู่แล้ว เพียงแต่ครั้งนี้แสดงออกให้เห็นชัดเจนขึ้น เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจไทยได้รับข้อมูลและเบาะแสที่แม่นยำรวดเร็วขึ้น ซึ่งตำรวจจีนมีข้อมูลและมีเบาะแสพร้อมจะให้ความร่วมมือกับตำรวจไทยเต็ม 100% และพร้อมจะให้ข้อมูลชี้เบาะแสล่วงหน้า ป้องกันไม่ให้พวกคนจีนที่คิดไม่ดีมาก่อเหตุ และทำให้เสียบรรยากาศการท่องเที่ยวในประเทศไทยของคนจีน รวมถึงนักท่องเที่ยวจีนมีความเชื่อมั่นถ้ามีตำรวจจีนมาร่วมทำงานกับตำรวจไทย
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ย้ำว่า ข่าวที่จะให้ตำรวจจีนมาตระเวนดูแลความปลอดภัยไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ความจริงเพียงแค่มาร่วมมือทำงานและให้ข้อมูลเบาะแสเพื่อให้ตำรวจไทยทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งเป็นคนละเรื่องกับที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าประเทศไทยเป็นเอกราช ทำไมต้องใช้ตำรวจจีนมาลาดตระเวน“เรื่องที่มีลักษณะสร้างสรรค์ เพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติเช่นนี้ ทำไมต้องบิดเบือน และลากให้ไปโยงกับเรื่องของศักดิ์ศรีของประเทศเช่นนั้น ขออย่าได้เล่นเกมวาทะกรรมทางการเมืองกันจนเกินกว่าเหตุเช่นนี้เลย เรามามุ่งสมาธิให้กับการทำงานรับใช้ประเทศชาติและประชาชนกันดีกว่าไหมครับ” นายชัยกล่าว
กล่าวโดยสรุป ตำรวจจีนลาดตระเวน คือเจ้าหน้าที่ตำรวจชาวจีนที่ถูกส่งไปทำงานลาดตระเวนกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่เพื่อสร้างความมั่นใจเรื่องความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยวชาวจีน โดยโครงการนำร่องเริ่มต้นที่ “ประเทศอิตาลี” ในช่วงปี 2016 – 2018 ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจีนได้เดินทางไปปฏิบัติการสายตรวจร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอิตาลี เพื่อทำงานร่วมกันและกระชับความร่วมมือระหว่างตำรวจของสองประเทศ รวมทั้งอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางไปเยือนประเทศอิตาลีเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ สำนักข่าว CNN ยังรายงานว่าทางการจีนมีโครงการในลักษณะที่คล้ายกันกับ “ประเทศโครเอเชีย” และ “ประเทศเซอร์เบีย” ในช่วงระหว่างปี 2018 – 2019 อีกด้วยอย่างไรก็ตาม โครงการดังกล่าวถูกยกเลิกไป เนื่องจากมีปัญหาหลายประการ อ้างอิงจากสุทธิชัย หยุ่น นักข่าวอาวุโส ที่ออกมาทวีตข้อความบน X ระบุว่า “เรื่องตำรวจจีนไปลาดตระเวนที่อิตาลี เขาเลิกไปแล้วเพราะมันมีปัญหาหลายประการ และยังมีรายงานจากข้อกล่าวหาของ Safeguard Defenders ว่าตำรวจจีนถูกส่งไปต่างแดนเพื่อสอดแนม-รวบตัวพวกที่ตำรวจจีนตามตัวอยู่ทั้งด้านการเมืองและอาชญากรรม”