วิกฤตศรัธาพรรคพรรคก้าวไกล กับปัญหากรณีคุกคามทางเพศ
นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรค ก.ก. แถลงข่าวภายหลังการประชุมร่วมระหว่างกรรมการบริหารพรรคและ สส. พรรคก้าวไกล เมื่อวันที่ 1 พ.ย. โดยมติที่ประชุมออกมาว่า กรณีนายวุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี เขต 2 ให้ขับออกจากการเป็นสมาชิกพรรคก้าวไกล ส่วนกรณีนายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ หรือที่รู้จักกันในชื่อ “สส.ปูอัด” เสียงส่วนใหญ่ 106 จาก 128 เสียง เห็นควรให้ขับออกจากสมาชิกพรรค แต่เสียงไม่ถึง 3 ใน 4 ของ สส. และกรรมการบริหารพรรคที่มีทั้งหมด จึงไม่สามารถมีมติขับออกจากพรรคได้ โดยกรณีของนายไชยามพวาน ที่ประชุมเห็นว่าควรตัดสิทธิพึงมีและคาดโทษตลอดสมัยประชุม
ภายหลังผลการลงมติกรณีคุกคามทางเพศออกมา สส.หญิงของพรรคก้าวไกล ต่างออกมาแสดงความผิดหวังและไม่เห็นด้วย เช่น ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ และ รัชนก ศรีนอก สส. ก้าวไกล กทม. ที่แสดงความผิดหวังต่อ สส. ที่กำลังมีประเด็นคุกคามทางเพศนี่ไม่ใช่กรณีแรก ๆ ของปมปัญหาการคุกคามทางเพศที่กระทำโดยนักการเมือง และประเด็นที่เกิดกับสมาชิก และ สส. พรรคก้าวไกลทั้ง 2 กรณีนี้ ก็ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกเช่นกัน ซึ่งทำให้เกิดการตั้งคำถามเชิงจริยธรรมเปรียบเทียบกับกรณีอื่น ๆ ที่ผ่านมาภายในพรรค ทั้งในแง่ความรับผิดชอบระดับบุคคล รวมทั้งท่าทีและการแก้วิกฤตการณ์ของพรรค
จากการลงมติพรรคทำให้ สส.ปูอัด ไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.กทม. เขตจอมทอง พรรคก้าวไกล ถูกพูดถึงอย่างมากนาทีนี้ หลังมติพรรคก้าวไกล มีมติคาดโทษ หลังที่ประชุมออกเสียงไม่ถึง 3 ใน 4 ให้ขับพ้นสมาชิกพรรคจากมติพรรคดั่งกล่าว ทำให้นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ออกมาโพสต์ข้อความภายหลังได้ฟังการแถลงของ นายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.กทม. พรรคก้าวไกล ซึ่งถูกคาดโทษและตัดสิทธิพึงมี จากกรณีคุกคามทางเพศ ระบุว่า “ผมได้ฟังการแถลงของคุณไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ เมื่อบ่ายวันนี้แล้ว และมีความเห็นส่วนตัว” ดังนี้
(1) แม้คุณไชยามพวานจะแถลงว่าน้อมรับมติของพรรคและขอโทษ หากเห็นว่าการกระทำของตนเองถือเป็นการคุกคามทางเพศ แต่เมื่อพิจารณาสาระสำคัญในการแถลงแล้ว จะเห็นได้ว่า คุณไชยามพวานไม่ได้สำนึกหรือยอมรับว่าพฤติการณ์ของตนนั้น เข้าข่ายเป็นการคุกคามทางเพศแม้แต่น้อย และไม่ได้ขอโทษต่อผู้เสียหายอย่างจริงใจ
(2) คุณไชยามพวานยังนำข้อความของผู้เสียหายรายที่หนึ่งมาแสดงต่อสาธารณะ โดยเจตนาจะแสดงให้เห็นว่า ตนเองกับผู้เสียหายมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน ดังนั้น การล่วงเกินทางเพศที่มีต่อผู้เสียหายคนดังกล่าวตามที่ถูกกล่าวหา จึงเกิดขึ้นโดยความยินยอม หรืออย่างน้อยผู้เสียหายก็ไม่ได้แสดงการต่อต้านหรือความไม่พอใจใดๆ หลังเกิดเหตุ
(3) ต่อมา คุณไชยามพวานได้แสดงข้อมูลเพื่อแสดงให้เห็นว่า การถ่ายรูปและคลิปของผู้เสียหายรายที่สองนั้น ไม่น่าจะถือเป็นการคุกคามทางเพศ
(4) สุดท้าย คุณไชยามพวานยืนยันว่า ตนเองแตะเนื้อต้องตัวผู้อื่นเป็นประจำ การแตะเนื้อต้องตัวผู้เสียหายรายที่สามนั้นเป็นไปในฐานะเพื่อนร่วมงาน ไม่ได้มีเจตนาหรือเป้าประสงค์ทางเพศ
(5) ในฐานะที่เป็นกรรมการบริหารพรรคคนหนึ่งของพรรคก้าวไกล ผมขอชี้แจงว่า คณะกรรมการบริหารพรรคทราบข้อเท็จจริงและข้อโต้แย้งข้อกล่าวหาทั้งหมดของคุณไชยามพวาน โดยคุณไชยามพวานพยายามแสดงหลักฐานเพื่อสื่อว่าการล่วงเกินทางเพศต่อผู้เสียหายรายที่หนึ่งนั้น เกิดขึ้นโดยอีกฝ่ายไม่เคยแสดงอาการไม่ยินยอมใดๆ เลย อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการบริหารพรรคพิจารณาแล้วเห็นว่า การล่วงเกินทางเพศเกิดขึ้นโดยผู้เสียหายอยู่ในสภาพมึนเมา ย่อมไม่อยู่ในสถานะที่สามารถให้การยินยอมหรือไม่ยินยอมได้ นอกจากนี้ คุณไชยามพวานยังมีพฤติกรรมที่ส่อเจตนาไม่บริสุทธิ์ โดยการพาผู้เสียหายไปที่คอนโดมีเนียมของตนเอง
(6) แม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างคุณไชยามพวานกับผู้เสียหายก่อนและหลังเกิดเหตุการณ์ล่วงเกินทางเพศจะดูเป็นปกติหรือดีต่อกัน แต่ผู้เสียหายรายที่หนึ่งไม่เคยยินยอมให้คุณไชยามพวานมีเพศสัมพันธ์ด้วยอีกเลย ซึ่งการมีเพศสัมพันธ์ย่อมต้องได้รับความยินยอมจากอีกฝ่าย การมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ไม่ได้หมายความว่าฝ่ายชายสามารถจะมีเพศสัมพันธ์กับฝ่ายหญิงได้ตามใจชอบ นอกจากนี้ ความสัมพันธ์อันดีอาจเกิดจากความต้องการทำงานร่วมกับพรรคและ ส.ส. ของพรรคในอนาคต ซึ่งเมื่อคุณไชยามพวานได้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแล้ว เขาได้ลดการมอบหมายงานให้ผู้เสียหายรายที่หนึ่ง ภายหลังจากที่มีผู้เสียหายรายที่สองเข้ามาเป็นทีมงานของตนเอง
(7) สำหรับ กรณีผู้เสียหายรายที่สองนั้น คณะกรรมการบริหารพรรคไม่ได้พิจารณาความผิดจากข้อเท็จจริงเรื่องการถ่ายรูปและคลิปตามที่คุณไชยามพวานกล่าวถึง เนื่องจากเห็นว่ารับฟังไม่ได้ว่าเป็นการคุกคามทางเพศจริง แต่คณะกรรมการบริหารพรรคพิจารณาจากข้อเท็จจริงที่ว่า นอกจากจะมีพฤติการณ์แตะเนื้อต้องตัวผู้เสียหายแล้ว ขณะคุณไชยามพวานเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ยังได้ชักชวนผู้เสียหายรายที่สองไปต่างจังหวัดสองต่อสอง 2 ครั้งโดยไม่เกี่ยวข้องกับงานในความรับผิดชอบของผู้เสียหาย ซึ่งผู้เสียหายปฏิเสธทั้งสองครั้ง
ซึ่งปัญหาดั่งกล่าว ที่เกิดขึ้น ทำให้นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวเมื่อวันศุกร์ (3 พ.ย.) ถึงกรณี ปูอัด-นายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส. กรุงเทพมหานคร พรรคก้าวไกล ที่ระบุพร้อมให้ กกต. ตรวจสอบกรณีถูกกล่าวหามีพฤติกรรมล่วงละเมิดทางเพศ ตามที่นายโชติพิพัฒน์ เตชะโสภณมณี จากพรรคภูมิใจไทย ยื่นคำร้องว่า เห็นแต่เป็นข่าว เลขาธิการ กกต. อธิบายกรณีนี้ว่า ตามโครงสร้างการทำงานของนายทะเบียนพรรคการเมือง และสำนักงาน กกต. นั้น กกต. จะติดต่อกับพรรค ไม่ได้ติดต่อกับสมาชิก ถ้าการดำเนินการของพรรคไม่เป็นไปตามที่กฎหมาย หรือข้อบังคับพรรคกำหนด สมาชิกพรรคหรือบุคคลภายนอกสามารถร้องขอความเป็นธรรมได้ เท่าที่ติดตามข่าว ลักษณะพฤติกรรมที่มีการกล่าวหาไม่ใช่คุณสมบัติหรือลักษณะต้องห้ามการเป็นสมาชิกพรรค รวมทั้งไม่ได้เป็นลักษณะต้องห้ามของการเป็น สส. ที่รัฐธรรมนูญกำหนด ที่จะเป็นเหตุให้ กกต. ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 ได้ แต่อาจเป็นพฤติกรรมซึ่งเป็นเรื่องจริยธรรมที่มีอยู่ 2 ส่วน ดังนี้
ส่วนแรก ถ้าเป็นสมาชิกรัฐสภาก็จะมีมาตรฐานจริยธรรมของสมาชิกรัฐสภา ที่สภาจะเป็นผู้ดำเนินการสอบ เช่น ใช้กลไกกรรมาธิการต่างๆ
ส่วนที่สอง เป็นจริยธรรมตามข้อบังคับพรรคการเมือง ที่พรรคจะกำหนดเพิ่มเข้าไป จากที่กำหนดว่าต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามที่ล้อมาจากกฎหมาย
ซึ่งเลขาธิการ กกต. กล่าวเพิ่มเติมว่ารายนี้ กล่าวว่า ถ้าไม่ใช่คุณสมบัติหรือลักษณะต้องห้าม นายทะเบียนพรรคการเมือง หรือสำนักงาน กกต. ไม่มีอำนาจเข้าไปตรวจสอบเหมือนเรื่องขัดจริยธรรมของสภา ไม่ได้ยื่นไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ แต่ยื่นไปที่ ป.ป.ช. ถ้าขัดจริยธรรมตามข้อบังคับพรรค ก็เป็นเรื่องที่พรรคต้องดำเนินการ เช่น พรรคมีมติขับออก แต่ถ้าสมาชิกที่ถูกขับเห็นว่า เขาไม่ได้รับความเป็นธรรม การขับไม่เป็นไปตามข้อบังคับ ก็มาร้องต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองได้ เพราะมีหน้าที่ดูแลให้พรรคดำเนินกิจการทางเมืองให้เป็นไปตามข้อบังคับพรรคและกฎหมาย
ส่วนกรณีที่นายวุฒิพงศ์ ทองเหลา สส. จ.ปราจีนบุรี ที่บอกว่าผิดหวังกับมติขับออกของพรรคก้าวไกลนั้น นายแสวง กล่าวว่าสามารถยื่นร้องต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองได้ ถ้าเห็นว่าการประชุมเพื่อมีมติขับและเหตุผลในการขับไม่ชอบ
กล่าวโดยสรุปปัญหาดั่งกล่าวจากการลงมติภายในของพรรคก้าวไกล (ก.ก.) กรณี 2 สส. ของพรรคมีพฤติกรรมคุกคามทางเพศ หลังผลสอบสวนของคณะกรรมการวินัยชุดพิเศษออกมาชี้ว่า มีพฤติกรรมคุกคามทางเพศจริง และผิดวินัยพรรคร้ายแรง ก่อให้เกิดแรงกระเพื่อมที่ตามมาทั้งจากภายในพรรคเองและกระแสสังคมทำให้กระแสประชาชนแสดงความคิดเห็นมากมาย พรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นพรรคที่สร้างมาตรฐาน จริยธรรม คุณธรรม ไว้สูง จะสามารถผ่านวิกฤติปัญหาดั่งกล่าว ได้อย่างไร