มติพรรคเพื่อไทย ยืนยันต้องการตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร พร้อมรัฐมนตรี 14 ตำแหน่งเท่ากับพรรคก้าวไกล
เมื่อวันอังคาร (27 มิ.ย.) นายแพทย์ ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยแกนนำพรรค
นายภูมิธรรม เวชยชัย นายชูศักดิ์ ศิรินิลและนายประเสริฐ จันทรรวงทอง ร่วมแถลงแถลงผลการประชุมพรรคเรื่องตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรว่า เป็นเรื่องสำคัญ โดยที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคและสมาชิกพรรคเพื่อไทย ยืนยันจุดยืนเดิมคือ พรรคก้าวไกล ได้ตำแหน่งรัฐมนตรี 14 ตำแหน่ง บวก 1 คือ ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ขณะที่พรรคเพื่อไทย ตำแหน่งรัฐมนตรี 14 ตำแหน่ง บวก 1 คือ ตำแหน่งประธานรัฐสภา โดยขอให้คณะเจรจาได้ไปเจรจากับพรรคก้าวไกลในการประชุมระหว่าง 2 พรรค ในวันพรุ่งนี้(28 มิ.ย.66) ต่อไป พร้อมกันนี้ พรรคเพื่อไทย ยังย้ำเจตนารมย์ในการร่วมจัดตั้งรัฐบาลร่วมกันของ 8 พรรคการเมือง โดยมีพรรคก้าวไกลเป็นแกนนำและมีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี
ขณะที่ นายภูมิธรรม เวชชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เชื่อว่าคณะทำงานทั้งสองฝ่ายจะเจรจาหาข้อสรุปร่วมกันได้ และหากพรุ่งนี้(27 มิ.ย.66) ยังไม่มีข้อยุติ เห็นว่ายังมีเวลาในการเจรจาให้ข้อสรุปและมองว่าหากยังไม่ได้ข้อยุติท้ายที่สุดแล้วทั้ง 2 ฝ่าย จะกลับไปทบทวน เพื่อเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลประชาธิปไตยได้สำเร็จ
ก่อนหน้านี้มีการแสดงความเห็นวิพากษ์วิจารณ์อย่างหลากหลาย แต่ยังไม่มีข้อสรุป จนในวันนี้ได้นำประเด็นดังกล่าวเข้าหารือกับคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย และ ส.ส. ของพรรคเพื่อไทยทั้ง 141 คน ซึ่งส่วนใหญ่ยืนยันขอให้คณะเจรจา นำข้อเสนอของคณะกรรมการบริหารนี้ไปเจรจากับพรรคก้าวไกล
อย่างไรก็ตาม การแถลงครั้งนี้ไม่ได้ระบุเหตุผลว่าทำไมพรรคเพื่อไทยจึงจำเป็นต้องได้ตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร นอกจากคณิตศาสตร์ทางการเมือง ต่างจากพรรคก้าวไกลที่เคยแถลงถึงความจำเป็นที่ต้องได้ตำแหน่งนี้ไปแล้ว 3 เหตุผล ตั้งแต่วันที่ 25 พ.ค.
ล่าสุดการประชุมร่วม “ก้าวไกล-เพื่อไทย” เลื่อนไปไม่มีกำหนด ตำแหน่งประธานสภา ยังไม่ได้ข้อสรุป
ยังคงจะต้องจับตากันอย่างต่อเนื่อง สำหรับประเด็นร้อนเก้าอี้ประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่ยังไม่ได้ข้อสรุประหว่างพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย