เสี่ยแป้ง นาโหนด‘ อัดคลิประบายความในใจถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด
เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2566 ‘เสี่ยแป้ง นาโหนด’ ได้ปรากฏตัวเป็นครั้งแรกหลังจากหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่นาน 1 เดือนเต็ม โดยวันนี้เจ้าตัวได้อัดคลิประบายความในใจถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด แต่มีการตั้งข้อสังเกตว่าจากภาพในคลิปนั้นบ่งชี้ได้ว่าเสี่ยแป้งไม่ได้อยู่บนเทือกเขาบรรทัด แต่อยู่ในสวนปาล์มแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าอยู่ในพื้นที่จังหวัดไหน จากกรณี นายเชาวลิต ทองด้วง หรือ ‘เสี่ยแป้ง นาโหนด’ นักโทษที่หนีออกจากโรงพยาบาลนครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 22 ต.ค.ที่ผ่านมา กระทั่งเจ้าหน้าที่พบว่าหนีไปอยู่กลางป่าบนเทือกเขาบรรทัดจนนำไปสู่การปิดล้อมตรวจค้นและเกิดการปะทะกันกลางป่าเมื่อวันที่ 8 พ.ย.ที่ผ่านมา
เรียกได้ว่าเป็นปฎิบัติการเย้ยการทำงานของตำรวจเมื่อ “เสี่ยแป้ง นาโหนด” หรือ นายเชาวลิต ทองด้วง นักโทษคดีอุกฉกรรจ์ ลงจากเทือกเขาบรรทัด หลบหนีการตามล่าของเจ้าหน้าที่ อัดคลิปความยาว 4 นาทีเศษ ระบายความในใจ อ้างไม่ได้รับความเป็นธรรม พร้อมเปิดเผยชื่อตัวละครสำคัญ ที่มีความเกี่ยวข้อง 5 คน
โดยถ้อยคำจากในคลิปที่ ‘แป้ง นาโหนด’ ชี้แจงระบุว่า ‘วันนี้ผมขอขอบคุณพี่ป้าน้าอาที่ให้กำลังใจผม ให้ผมสู้ต่อไป การที่ผมหนีมาเพราะผมไม่ได้รับความเป็นธรรม ผมเคยทำหนังสือถึงกระทรวงยุติธรรมไปหลายฉบับ แต่ก็ไม่ได้รับการตอบรับ ผมถามว่าคดีผมนั้นผมเป็นคนเดียวที่ไม่ได้รับการประกันตัว พี่น้องคิดดูว่าความยุติธรรมมีหรือไม่ อัยการบอย จ่าติ๊ก และจ่าสิบเอกสมมิตร สมชาย และพ่อของนายจรวด ได้รับการประกันตัวทั้งหมด และอัยการสั่งไม่ฟ้องทั้งที่เป็นผู้วางแผน ทั้งนี้ ในคลิปของ “เสี่ยแป้ง นาโหนด” ได้อ้างรายชื่อ ที่ต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดี 5 บุคคล เพื่อแลกกับการมอบตัว ได้แก่ อัยการ 1 คน ตำรวจ 2 นาย ประธาน 1 คน และ พ่อของเพื่อนอีก 1 คน
นายแป้งเผยแพร่คลิปที่ 2 ความยาวประมาณ 5 นาที คลิปดังกล่าวถือเป็นการเปิดคลิป 2 วันติดของนายแป้ง โดยยังคงสวมเสื้อยืดสีดำ ใส่ คลิปที่เผยแพร่ออกมาเมื่อเย็นวานนี้ แต่ฉากหลังลักษณะเป็นผนังห้อง ไม่สามารถระบุสถานที่ได้ ย้ำไม่ได้รับความเป็นธรรม จะไม่เข้ามอบตัว หากไม่มีการดำเนินคดี กับ “อัยการอักษรย่อ บ.”และพวกที่ร่วมกันก่อเหตุชิงตัวผู้ต้องหาเมื่อปี 2562 เนื้อหาในคลิปยังคงย้ำสาเหตุการหลบหนีของตัวเองว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม นายแป้ง อ้างถึง “อัยการอักษรย่อ บ.” กับพวก ที่ร่วมกันก่อเหตุชิงตัวผู้ต้องหาเมื่อปี 2562 แต่มีเพียงตนเองคนเดียวที่ไม่ได้รับการประกันตัว และเล่าเหตุการณ์ครั้งนั้น
นอกจากนี้ ยังกล่าวถึงกรณีจดหมายข่มขู่เอาชีวิตที่ส่งถึงสำนักงานอัยการศาลแขวงสงขลาจนนำไปสู่การแจ้งความร้องทุกข์ว่า นายแป้งไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง และสงสัยว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ขึ้นเพื่อนำไปสู่การวิสามัญฆาตกรรม พร้อมตั้งคำถามว่าเหตุใดไม่มีการตรวจสอบกล้องวงจรปิดและไม่มีความคืบหน้าทางคดี
ช่วงท้ายยังขอให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดี “อัยการคนดังกล่าว” กับพวก แล้วตนเองจึงจะเข้ามอบตัว แต่หากไม่มีการดำเนินการตนก็ไม่ไป
ผบ.ตร.สั่งตรวจสอบคลิป เสี่ยแป้ง โผล่เปิดใจ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. กล่าวว่า จากกรณีมีคลิปชายหน้าคล้ายนายชวลิต ทองด้วง หรือนายแป้ง นาโหนด ออกมาเผยถึงเหตุของการหนี และไม่ได้ความเป็นธรรมนั้น ได้รับรายงานในเบื้องต้นแล้ว ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร.ที่ดูแลงานสืบสวน ตรวจสอบที่มาที่ไปของคลิป ว่ามีข้อเท็จจริงอย่างไร มีการถ่ายคลิปที่ไหน ถ่ายในช่วงไหน พร้อมเร่งติดตามจับกุมนายชวลิตมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ในส่วนของเนื้อหาในคลิป คงต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ได้สั่งการให้จเรตำรวจลงไปตรวจสอบ ว่ามีการพาดพิงตำรวจคนใดบ้าง มีข้อเท็จจริงอย่างไร ผิดถูกว่าไปตามพยานหลักฐาน ต้องทำความจริงให้ปรากฏ ให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย ซึ่งหากตำรวจทำผิดจริง จะต้องถูกดำเนินการอย่างเด็ดขาดทั้งทางวินัย อาญา และปกครอง ขอฝากไปยังพี่น้องประชาชน ให้ใช้วิจารณญาณในการรับฟังสื่อโชเชียล ตำรวจพร้อมที่จะดำเนินการตามข้อเท็จจริง พยานหลักฐาน ทำความจริงให้ปรากฏ และให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ไม่มีการกลั่นแกล้งใคร หากคิดว่าไม่ได้รับความยุติธรรมอย่างไร ตำรวจก็พร้อมที่จะประสานงาน ดำเนินการให้ แต่ทั้งนี้ทุกอย่างต้องอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมายที่ให้อำนาจไว้
ล่าสุดนายวัลลภ นาคบัว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ในฐานะโฆษกกระทรวงยุติธรรม ชี้แจงกรณี นายเชาวลิต ทองด้วง หรือเสี่ยแป้ง ได้มีการเผยแพร่คลิปร้องขอความเป็นธรรมในการถูกดำเนินคดี โดยมีการพาดพิงกระทรวงยุติธรรมและบุคคลในกระบวนการยุติธรรม นั้น พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมได้มอบหมายให้กรมราชทัณฑ์ตรวจสอบบุคคลในคลิป ว่าเป็นนายเชาวลิต จริงหรือไม่ นอกจากนี้ยังได้ประสานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติโดยได้รับแจ้งยืนยันว่ามีมาตรการติดตามการจับกุมอย่างเข้มข้นมากยิ่งขึ้น นายวัลลภ ยังกล่าวอีกว่า ส่วนประเด็นที่นายเชาวลิต อ้างว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมในการดำเนินคดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมได้สั่งการให้ปลัดกระทรวงยุติธรรม อธิบดีกรมราชทัณฑ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และเลขาธิการ ป.ป.ส. เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงในทุกมิติ ซึ่งข้อมูลเบื้องต้นในคดีเดิม พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหา นายเชาวลิตฯ และผู้ร่วมกระทำผิดซึ่งมีทั้งพลเรือน ตำรวจ ทหาร และบุคคลในกระบวนการยุติธรรมรวมหลายคน แต่จากคำพิพากษานายเชาวลิต ถูกฟ้องเพียงคนเดียว และมีการแยกสำนวนฟ้องอีกบางคน ส่วนผู้ร่วมกระทำผิดคนอื่นโดยเฉพาะตำรวจ ทหาร และบุคคลในกระบวนการยุติธรรมยังไม่มีการฟ้องคดีแต่อย่างใด ซึ่งหากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันตรวจสอบและมีพยานหลักฐานใหม่อันสำคัญแก่คดีก็สามารถฟ้องคดีได้ โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษจะได้ประสานงานกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการดำเนินคดีอย่างใกล้ชิดต่อไป