ติดตามเหตุการณ์ พลุระเบิด มูโนะ อ.สุไหงโกลก จ.นราธิวาส นับว่าเป็นการที่มีความสูญเสียครั้งใหญ่ในปี 2566
เหตุการณ์ พลุระเบิด มูโนะ นับว่าเป็นการที่มีความสูญเสียครั้งใหญ่ในปี 2566 แม้ว่าพื้นที่ดังกล่าวจะเป็นพื้นที่ควบคุมพิเศษตามประกาศกฏอัยการศึก แต่กลับพบว่ามีการลักลอบเก็บพลุ ประทัดไว้ในโกดังกลางเมือง จนส่งผลให้เกิดความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่โดยรอบและเหตุการณ์ พลุระเบิด มูโนะ ยังดูเหมือนว่าจะมีความคืบหน้าล่าช้าไปมาก ที่ผ่านมาตำรวจ ทหาร นำกำลังเข้าตรวจสอบบ้าน 2 ชั้น บริเวนตลาดมูโนะ อ.สุไหงโกลก จ.นราธิวาส ซึ่งเป็นบ้านเจ้าของโกดังพลุที่เกิดระเบิดก่อนหน้านี้ เป็นการตรวจยึดต่อเนื่องโดยจุดที่มีการตรวจยึดพลุเพิ่มเติม ก็อยู่ไม่ห่างจากโกดังที่เกิดการระเบิดก่อนหน้านี้ จากการตรวจสอบพบของกลางจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นประทัดลูกบอล
พล.ต.เฉลิมพร ขำเขียว ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า มีการออกหมายเรียกเจ้าของกิจการมาดำเนินคดี แล้ว และผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 กล่าวว่า สั่งการให้ตรวจสอบเส้นทางธุรกิจว่า มีที่มา ที่พัก และปลายทางที่ไหน ซึ่งจะต้องมีหลักฐานเป็นเอกสาร หากไม่พบเอกสารการดำเนินการขออนุญาต ถือว่าผิดกฎหมาย รวมถึงให้ตรวจสอบคลังสินค้าใน 7 จังหวัดภาคใต้เพื่อดูความเชื่อมโยง คาดว่ากรณีของคลังเก็บพลุ ในตลาดมูโนะ น่าจะมีความเชื่อมโยงกัน กับเจ้าของซึ่งมีธุรกิจด้านนี้ ทั้งในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส และพื้นที่อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
ทางด้านพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.กระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า การช่วยเหลือผู้ประสบภัยเบื้องต้น โดยเฉพาะไฟฟ้าก็จะพยายามต่อไฟเข้าไปยังที่ยังพักอาศัย เช่นเดียวกับน้ำประปา มีการจัดรถน้ำไปอำนวยความสะดวก พร้อมจัดหาห้องน้ำไว้บริการ ขณะเดียวกัน ท้องถิ่นประสานหลานหน่วยงานเข้าซ่อมแซ่มบ้านเรือนที่เสียหาย ทั้งจากกองทัพ ตำรวจ และ อาชีวะศึกษา ด้วยการส่งช่างเข้าไปช่วยซ่อมแซมบ้านเรือนที่เสียหาย จนถึงขณะนี้ มีประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน พักอยู่ในศูนย์พักพิง 13 คน นอกนั้นพักกับญาติที่อยู่ในพื้นที่ ส่วนผู้เสียชีวิตมีจำนวน 12 คน สามารถระบุตัวตนได้แล้ว 10 คน ที่เหลือยังรอการพิสูจน์ทราบ ที่ รพ.สงขลานครินทร์ มีผู้ป่วย 10 คนเป็นผู้ป่วยในพระบรมราชานุเคราะ
ล่าสุด ไทยพีบีเอส ได้ตรวจสอบกับแหล่งข่าว ซึ่งทำธุจกิจเกี่ยวกับการจำหน่ายพลุดอกไม้ไฟ ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ระบุว่า พลุดอกไม้ไฟ ส่วนใหญ่มีการนำเข้ามาจากประเทศจีน โดยในภาคใต้มีผู้ประกอบการรายใหญ่ อยู่ในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา 5 ราย การที่อนุญาตนำสินค้าเข้ามาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ต้องขอผ่าน กอ.รมน. ภาค 4 ผู้ประกอบการกลุ่มนี้ มีส่วนเชื่อมโยงกับผู้ประกอบการจำหน่ายพลุดอกไม้ไฟ ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งจะมีการส่งออกพลุไปยังประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะจ.นราธิวาส มีผู้ประกอบการจำหน่ายพลุ มีร้านจำหน่ายและโกดังบริเวนชายแดนตามแนวแม่น้ำโกลก ตั้งแต่พื้นที่อ.แว้ง สุไหงโกลก และอ.ตากใบเกือบ 20 ราย โดยส่วนใหญ่ เป็นการจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย เนื่องจากไม่มีใบอนุญาตให้จำหน่ายสินค้าพลุ ดอกไม้ไฟโดยตรง มีเพียงใบอนุญาตจากกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน เพื่อให้นำเข้ามาและส่งออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศ จึงขาดมาตรการควบคุมและตรวจสอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งผู้ประกอบการจำหน่ายพลุให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า และมีเงินหมุนเวียนจากธุรกิจพลุดอกไม้ไฟ ในจังหวัดชายแดนภาคใต้เดือนละหลายสิบล้านบาท แต่หากเป็นช่วงเทศกาล จะมีเงินหมุนเวียนหลายร้อยล้านบาท
นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ให้ความเห็นกรณีเหตุการณ์ พลุระเบิด มูโนะ ซึ่งโกดังพลุและประทัดระเบิดที่กลางตลาดมูโนะ อำเภอสุไหงโกลก จังหวัดนราธิวาส ว่า ขณะนี้พรรคก้าวไกลก็ติดตามและทำงานในเรื่องนี้อยู่ ซึ่งโกดังพลุที่ว่าตั้งอยู่กลางชุมชนขนาดใหญ่ คำถามคือ ปล่อยให้ตั้งโกดังพลุขนาด 5 ตันแบบนี้ได้อย่างไร ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง ไม่รู้เรื่องเลยหรือ พร้อมมองว่า ถ้างานนี้ตำรวจดำเนินคดีแค่เจ้าของโกดัง มันไม่แฟร์ และประชาชนผู้สูญเสียจะไม่ยอม โกดังพลุตั้งอยู่ใจกลางชุมชนขนาดนี้ ขอตั้งคำถามว่า ‘เงินมันไปบังตาใครหรือเปล่า เงินส่วยไปอุดปากใครหรือเปล่า’ และที่สำคัญคือเจ้าของโกดังคนนี้ เคยถูกจับมาแล้ว เมื่อปี 59 ถูกจับมาแล้ว โดย กอรมน. ภาค 4 ส่วนหน้า และตอนนั้นมีการลักลอบเก็บพลุเอาไว้กว่า 20 ตัน เพราะฉะนั้นเจ้าหน้าที่ และฝ่ายปกครอง จะบอกว่าไม่รู้ ว่ามีโกดังเก็บพลุ ตั้งอยู่ใจกลางชุมชนไม่ได้ และทุกคนรู้ดีว่าในพื้นที่มูโนะ ธุรกิจสีเทาชุกชุม มีระบบส่วยเยอะ และเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ก็มีการดำเนินคดีกับตำรวจชั้นผู้ใหญ่ และอดีตนายอำเภอ ทั้งนี้ตนขอถามไปยังผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ว่าจะปล่อยให้ จ่าฟ. เป็นแม่บ้านเก็บส่วยส่งนาย โดยที่ไม่ทำอะไรเลยเหรอ ซึ่งหากไปถามว่าชาวบ้านรู้หมด ไปถามได้เลย ว่า จ่าฟ. ที่เก็บ “ส่วยมูโนะ” ให้ตำรวจคือคนไหน ที่ผ่านมามีการเก็บส่วยเรื่องค่ามนุษย์ แรงงานเถื่อน และเก็บส่วยจากสิ่งผิดกฏหมายมากมาย ยืนยันว่าเรื่องนี้จับแค่เจ้าของโกดังไม่ได้
ตรวจสอบรายชื่อผู้เสียชีวิต เหตุโกดังเก็บพลุไฟระเบิด จ.นราธิวาส ขอความร่วมมือประชาชนงดค้นหาญาติด้วยตัวเอง หวั่นเกิดอันตรายซ้ำ จากสำนักงานประชาสัมพันธ์ จ.นราธิวาส รายงานข้อมูล ณ เวลา 11.00 น.ของวันที่ 30 ก.ค. โดยมีจำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 12 ราย บาดเจ็บ 121 ราย ในจำนวนนี้มีผู้บาดเจ็บสาหัส 1 ราย เจ็บปานกลาง 9 ราย ส่วนอีก 111 รายเดินทางกลับบ้านแล้ว สำหรับรายชื่อผู้เสียชีวิต 12 ราย มีรายละเอียด ดังนี้
1. นายมูหามัดรีซูวัน มิงสุแด อายุ 28 ปี
2. นางปารีดะ สาและ อายุ 57 ปี
3. นางจันทร์นิสา ดาโอ๊ะ อายุ 28 ปี
4. น.ส.อริษา ดาโอ๊ะ อายุ 19 ปี
5. นายเด่น ดาโอ๊ะ อายุ 63 ปี
6. ด.ช.อิรชาด ดอเลาะ อายุ 4 ปี
7. ด.ญ.อมีลีน ดอเลาะ อายุ 8 เดือน
8. นายสมศักดิ์ ชูโชติ อายุ 75 ปี
9. นางอุทัย ชูโชติ อายุ 75 ปี
10. ไม่ทราบชื่อ
ในจำนวนนี้อีก 2 ราย ยังอยู่ระหว่างรอผลตรวจ DNA ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ขอความร่วมมือประชาชนที่ต้องการค้นหาญาติของตนเอง ขอให้แจ้งชื่อบุคคลที่สูญหายที่เต็นท์กองอำนวยการร่วมศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยอำเภอสุไหงโก-ลก ซึ่งอยู่บริเวณหน้าทางเข้าตลาดมูโนะ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ติดตามค้นหาต่อไป ขอความร่วมมือประชาชน งดเข้าไปค้นหาเอง เนื่องจากอาจเกิดอันตรายและกีดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่
นอกจากนั้นยังสามารถประสานข้อมูลผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ได้ที่ นายเอกวิทย์ จินดาเพ็ชร รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส โทร 0892999339