จุดยืนผู้สมัคร นายอลงกรณ์ พลบุตร รักษาการรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และผู้สมัครหัวหน้าพรรคหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
“อลงกรณ์” ฟันธงเห็นด้วยกับภาคเอกชนไม่เอารัฐบาลเสียงข้างน้อย หวั่นกระทบความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจและเสถียรภาพของประเทศ
นายอลงกรณ์ พลบุตร รักษาการรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และผู้สมัครหัวหน้าพรรคกล่าววันนี้ว่า เห็นด้วยกับข้อคิดเห็นของ นายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ผู้นำภาคเอกชนที่ไม่ต้องการเห็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยโดยให้ยอมรับรัฐบาลและนายกรัฐมนตรีตามผลการเลือกตั้งของประชาชน “การจัดตั้งรัฐบาลและการเลือกนายกรัฐมนตรีควรเป็นไปตามครรลองประชาธิปไตย ปล่อยให้พรรคที่ชนะเลือกตั้งและรวมเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรได้สำเร็จจัดตั้งรัฐบาล
หากฝืนตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยจะกระทบต่อความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจและเสถียรภาพของประเทศ “
และเห็นด้วยอย่างยิ่งที่นายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.)กล่าวว่า ประเทศไทยของเราจะได้ไม่กลับมาวนเวียนในวงจรเดิมๆ ที่มีการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย สร้างความเกลียดชังกันและกัน ผูกขาดความรักชาติ ไม่ดึงฟ้าต่ำ ตลอดจนสร้างปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคมแบบในอดีตที่ผ่านมา
“ไม่ว่าผมจะได้เป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ก็ยืนยันในจุดยืนเดิมคือ การเปลี่ยนผ่านรัฐบาลควรเป็นไปโดยราบรื่นและรวดเร็วตามครรลองประชาธิปไตยและเจตจำนงของประชาชนที่สะท้อนผ่านการเลือกตั้งที่ผ่านมา ไม่เช่นนั้นจะให้มีการเลือกตั้งทำไม และ ไม่ว่าใครก็ไม่ควรสร้างความขัดแย้งหรือสร้างความเกลียดชังระหว่างกัน ประเทศบอบช้ำมามากแล้วกับความแตกแยกขัดแย้ง ทั้งยังต้องเผชิญกับวิกฤติเศรษฐกิจและปัญหาความท้าทายใหม่ๆ ถึงเวลาที่ประเทศจะต้องตั้งหลักและเดินไปข้างหน้าแก้ปัญหาของประชาชนโดยเร็ว”นายอลงกรณ์กล่าวในที่สุด.