‘อีลอน มัสก์’ ประกาศจะลงทุนใน ‘อินเดีย’
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า อีลอน มัสก์ (Elon Musk) ผู้บริหารระดับสูงของ Tesla บริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ของโลก กล่าวหลังการประชุมกับ นเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีของอินเดียในนิวยอร์ก ระหว่างการเยือนสหรัฐของ โมดี ก่อนหน้านี้แหล่งข่าวบอกกับรอยเตอร์ว่า อีลอน มัสก์ จะบรรยายสรุปให้ โมดี เกี่ยวกับแผนการตั้งฐานการผลิตในอินเดีย “ผมมั่นใจว่าเทสลาจะอยู่ในอินเดีย และจะทำเช่นนั้นโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้” มัสก์กล่าว พร้อมเสริมว่าตั้งใจจะไปเยือนอินเดียในปีหน้า
“ผมขอขอบคุณนายกรัฐมนตรีสำหรับการสนับสนุนของเขา และหวังว่าเราจะสามารถประกาศบางอย่างได้ในอนาคตอันใกล้นี้” และสังเกตเห็นว่านายกรัฐมนตรีเยี่ยมชมโรงงานของ Tesla ในแคลิฟอร์เนียเมื่อหลายปีก่อน ตามวิดีโอจาก ANI สถานีโทรทัศน์ของอินเดียบน Twitter
ทั้งนี้ด้วยนโยบายของประเทศอินเดีย ที่ต้องการส่งเสริมการผลิตรถยนต์ในประเทศก่อนแทนที่จะพิจารณาการลดหย่อยภาษีสำหรับนำเข้ารถยนต์ อินเดียมีศักยภาพที่แข็งแกร่งสำหรับอนาคตด้านพลังงานที่ยั่งยืน ซึ่งรวมถึงพลังงานแสงอาทิตย์ ชุดแบตเตอรี่แบบอยู่กับที่ และยานยนต์ไฟฟ้า
อีลอน มัสก์ (Elon Musk) ประกาศว่าจะลงทุนในอินเดียให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และเสริมว่าอินเดียเป็นสถานที่ที่น่าสนใจสำหรับโรงงานแห่งใหม่ บริษัทจำเป็นต้องลดการพึ่งพาจีนในฐานะฐานการผลิตเมื่อเผชิญกับความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และจีน เมื่อปีที่แล้วเทสลาได้ระงับแผนการเข้าสู่อินเดียเนื่องจากโครงสร้างภาษีนำเข้าที่สูง
ปัจจุบัน เทสลามีโรงงานขนาดใหญ่หนึ่งแห่งในเอเชียโดยตั้งอยู่ที่เซี่ยงไฮ้ ซึ่งถือเป็นโรงงานใผลิตรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดของเทสลานอกจากสหรัฐอเมริกา และคิดเป็นสัดส่วนมากกว่าครึ่งหนึ่งของการส่งมอบทั่วโลกของเทสลาในปี 2565 โดยเมื่อเดือนที่ผ่านมา มัสก์ได้เปิดเผยว่า เทสลากำลังมีแผนจะสร้างโรงงานแห่งใหม่ภายในสิ้นปีนี้ และอินเดียก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ ทั้งนี้ จีน และ อินเดีย พยายามดึงดูดการลงทุนรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกและกระตุ้นอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า โดยไม่นานมานี้ จีนเพิ่งประกาศว่าจะ ขยายเวลาลดหย่อนภาษีสำหรับผู้บริโภคที่ซื้อรถยนต์พลังงานสะอาด ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าแบบ 100% รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด จนถึงปี 2570 ซึ่งนับเป็นความพยายามครั้งล่าสุดที่จะกระตุ้นยอดขายและการผลิตรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยนับตั้งแต่ปี 2560-2567 นโยบายการลดหย่อนภาษีดังกล่าว คาดว่าจะมีมูลค่าสูงถึง 5.20 แสนล้านหยวน
อ้างอิง :