กกต. ถกคำร้องยื่นสอบ “พิธา” ถือหุ้นไอทีวี เล็งยกเป็นความปรากฏ รู้อยู่แล้วไม่มีสิทธิแต่ยังลงสมัคร ส.ส. เข้าข่ายความผิดตามมาตรา 151 กฎหมายเลือกตั้ง การประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้งมีมติเป็นเอกฉันท์ 6 เสียง ไม่รับคำร้องกรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล มีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ ในเรื่องของคุณสมบัติก่อนสมัครรับเลือกตั้ง ในปมการถือหุ้นสื่อ ITV แต่ให้รับเรื่องไว้พิจารณาก่อน เพราะเห็นว่าคำร้องที่ได้ยื่นมาของทั้ง 3 คน เป็นคำร้องที่ยื่นเกินระยะเวลาที่จะสั่งรับคำร้องไว้พิจารณา
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุม กกต. ยังเห็นว่าสำนักงาน กกต. ยังเสนอมีรายละเอียดไม่ครบถ้วน เช่น คำร้องมีการร้องในประเด็นใดบ้าง หลักฐานเป็นอย่างไร ข้อเท็จจริง และข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องเป็นอย่างไร จึงให้ไปดำเนินการมาให้ครบถ้วนและเสนอที่ประชุม กกต.พิจารณาใหม่โดยเร็วอีกครั้ง แต่เนื่องจากกรณีคำร้องดังกล่าวมีรายละเอียดเกี่ยวกับข้อเท็จจริงและพฤติการณ์และมีหลักฐานพอสมควร และมีข้อมูลเพียงพอที่จะสืบสวนไต่สวนต่อไป
นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. กล่าวถึงการพิจารณาคำร้องกรณีการถือหุ้นสื่อของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์หัวหน้าพรรคก้าวไกล ว่า เรื่องนี้มีปัญหาทางเทคนิคอยู่ คือ ผู้ร้องมาร้องก่อนวันเลือกตั้ง 2 วัน ซึ่งกรณีมีปัญหาเรื่องคุณสมบัติ ต้องร้องภายใน 7 วันก่อนวันเลือกตั้ง สำนักงานฯก็ต้องพิจารณาว่าสิ่งที่ร้องมีเหตุ มีมูลที่จะดำเนินการต่อไปหรือไม่ และเสนอให้กกต.พิจารณา ซึ่งทาง กกต.มีความเห็นว่าให้ทำให้รอบคอบและเสนอขึ้นไปใหม่ ส่วน กกต. จะรับไว้พิจารณาหรือไม่เป็นอีกประเด็น และถ้ารับแล้วจะผิดหรือถูกก็เป็นอีกประเด็น ดังนั้นเรื่องนี้จึงยังอยู่ในขั้นตอนของสำนักงาน เมื่อถามย้ำว่า ขณะนี้ กกต.กำลังพิจารณาควบคู่ ระหว่างคดีอาญาตามมาตรา 151 และคดีคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญใช่หรือไม่ นายแสวง กล่าวว่า ส่วนตัวคิดว่า คดีคุณสมบัติยังพิจารณาไม่ได้ เพราะยังไม่ได้เป็นส.ส. ตอนนี้พิจารณาได้เฉพาะคดีอาญา ตามมาตรา 151 “ตามคำร้องร้องว่าคุณไม่มีคุณสมบัติในการลงสมัคร ส.ส เพราะคุณมีลักษณะต้องห้าม ที่กฎหมายกำหนด เมื่อคุณไม่มีคุณสมบัติก็จะไปสู่ข้อหา รู้อยู่แล้วว่าไม่มีคุณสมบัติแต่ยังลงสมัคร ซึ่งมีความผิดตามมาตรา 151 แต่เรื่องของการพ้นจาก ส.ส. เป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 ซึ่งตอนนี้ยังเป็นอนาคตที่มาไม่ถึง ยังไงก็ต้องประกาศผลให้เป็น ส.ส.ไปก่อน เพราะพ้นระยะเวลาช่วงการยื่นของศาลฎีกามาแล้ว กกต.ไม่มีอำนาจไม่ประกาศ แต่สามารถพิจารณาคดีอาญาได้”
ทางด้าน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวถึงกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีคำสั่งไต่สวนการถือหุ้นสื่อ ITV ของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ในประเด็นเกี่ยวกับการฝ่าฝืนมาตรา 42(3) และ ม.151 ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. โดยระบุว่า ตอนนี้ยังไม่ทราบข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร ส่วนสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ใช้เป็นเหตุผลในการไม่โหวตให้นายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรี หรือไม่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ระบุว่า เวลาส่งไปฟ้องศาล ศาลรับคำฟ้อง กว่าจะนัดวันไต่สวนต้องใช้เวลา แต่หากว่า ส.ว. จะนำเรื่องนี้มาอ้างก็คงไม่ได้ เพราะกฎหมายระบุไว้ชัดเจนว่า ถ้าคดียังไม่ถึงที่สิ้นสุด บุคคลผู้นั้นถือว่ายังไม่มีความผิด