“รัฐมนตรีเฉลิมชัย”เดินหน้าป่าชุมชนยั่งยืนลดโลกร้อนมอบ“อลงกรณ์-ปรพล“ถอดรหัส”สระบุรี แซนด์บ็อกซ์ เมืองคาร์บอนต่ำสร้างโมเดลป่าชุมชน-ป่าคาร์บอนต้นแบบก่อนขยายผลทั่วประเทศ
นายอลงกรณ์ พลบุตร ประธานสถาบันเอฟเคไอไอ. ประธานมูลนิธิเวิลด์วิว ไครเมทและรองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ พรรคประชาธิปัตย์ในฐานะคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติเเละสิ่งเเวดล้อม กล่าวในงานสัมมนาเวิร์คช็อป “พลเมืองเคลื่อนรัฐครั้งที่ 3 หัวข้อ“ป่าชุมชนสระบุรีเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน“ ว่า ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมีนโยบายให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์ การฟื้นฟู การใช้ประโยชน์ทรัพยากรป่าไม้อย่างยั่งยืนเพื่อชุมชนและนโยบายลดโลกร้อนโดยเพิ่มพื้นที่สีเขียวเพื่อบรรลุเป้าหมายสร้างความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี2050และคาร์บอนเป็นศูนย์ในปี2565ถือเป็นนโยบายเรือธงเพื่อแก้ปัญหาโลกร้อน
การประชุมผนึกความร่วมมือระหว่างภาคเอกชน ภาครัฐ ภาควิชาการ ผู้นำท้องถิ่นและภาคประชาชนในจังหวัดสระบุรี ซึ่งมีเจตนารมย์ร่วมกันให้จังหวัดสระบุรีเป็นต้นแบบ”เมืองคาร์บอนต่ำ” หรือ “SARABURI LOW CARBON CITY” โดยเน้นใน 5 ภาคส่วน คือ ภาคอุตสาหกรรม ภาคพลังงาน ภาคการกำจัดขยะของเสีย ภาคเกษตรกรรม และภาคการเพิ่มพื้นที่สีเขียวถือเป็นตัวอย่างต้นแบบการบูรณาการทุกภาคส่วนที่น่าชื่นชมโดยเฉพาะการขับเคลื่อนโครงการพัฒนาป่าชุมชนเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน (Forests for the Sustainable Future)จำนวน 45 แห่งในจังหวัดสระบุรี ภายใต้เครือข่ายคณะกรรมการจัดการป่าชุมชนแห่งละ 15 คน รวมทั้งสิ้นประมาณ 675 คนและขยายความร่วมมือกับอาสาสมัครของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเช่นเครือข่ายอาสาสมัครพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหมู่บ้าน (ทสม.) อีกราว 2,000 คน เครือข่ายที่ปรึกษาอุทยานแห่งชาติ และที่ปรึกษาเขตห้ามล่าสัตว์ป่า จำนวน 100 คนจะเป็นการขับเคลื่อนที่มีพลังสู่ความสำเร็จด้วยการบูรณาการของภาคีภาคส่วนต่างๆรวมทั้งหน่วยงานสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในจังหวัดสระบุรี ได้แก่ สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดสระบุรี สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 5 สระบุรี สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 1 สระบุรี สำนักสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 7 สำนักงานทรัพยากรน้ำที่ 2 สระบุรี สำนักงานทรัพยากรน้ำบาดาลเขต 3 สระบุรี
ป่าชุมชนนอกจากมีอรรถประโยชน์ใช้สอยเพื่อชุมชนแล้วยังมีความหลากหลายทางชีวภาพ(Biodiversity)เพื่อเดินหน้าสู่ไบโอเครดิต(Bio Credit)ทั้งยังเป็นแหล่งอาหารของชุมชน(Community Food Bank)และสามารถพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติสร้างเศรษฐกิจฐานรากให้เข้มแข็ง รวมทั้งสามารถดำเนินการเรื่องคาร์บอนเครดิตเพื่อเศรษฐกิจสีเขียวอีกด้วย
”จากผลการประชุมในวันนี้จะถอดรหัส สระบุรี แซนด์ บ็อกซ์(Saraburi Sandbox) เมืองคาร์บอนต่ำเพื่อสร้างโมเดลป่าชุมชน-ป่าคาร์บอนต้นแบบโดยจะนำเสนอต่อดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.ทส. พิจารณาขยายผลไปยังจังหวัดต่างๆทั่วประเทศต่อไป”นายอลงกรณ์กล่าวในที่สุด
ในการสัมมนาเวิร์คช็อปครั้งนี้ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้วยมอบหมายนายอลงกรณ์ พลบุตร คณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายปรพล อดิเรกสาร ที่ปรึกษาสมาคมการท่องเที่ยวสระบุรีเเละหน่วยงานสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในสระบุรีเข้าประชุมงานสัมมนาเวิร์คช็อป “พลเมืองเคลื่อนรัฐครั้งที่ 3 หัวข้อ“ป่าชุมชนสระบุรีเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน“จัดโดยสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ(กพร.)และมูลนิธิคอนราด อเดนาวร์เมื่อวันที่11 พ.ย.ที่ผ่านมาที่ลีลาวดีรีสอร์ต อ.เมือง จ.สระบุรีร่วมกับนายบัญชา เชาวรินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี นางอารีย์พันธ์ เจริญสุข รองเลขาธิการ กพร. ดร.บัณฑูร เศรษฐศิโรตม์ ประธานอนุกรรมการพัฒนาระบบราชการ นายบุญมี สรรพคุณ หนึ่งในผู้ริเริ่มสระบุรีแซนด์บ็อกซ์ นายเสกสรร กวยะปาณิก รักษาการผู้อำนวยการสำนักจัดการป่าชุมชน กรมป่าไม้และภาคีภาคส่วนต่างๆเช่นจังหวัดสระบุรี สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ. )องค์การบริหารก๊าซเรือนกระจก กองทุนสิ่งแวดล้อม สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ(สพภ.BEDOThailand) องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน(อพท.) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง โรงงานและบริษัทต่างๆในพื้นที่เช่น เอสซีจี. เคมีแมน สยามฟูรูกาว่า ซีพีเมจิ ทีพีไอโพลีน เบทาโก เป็นต้นและเครือข่ายป่าชุมชนเพื่อร่วมกันขับเคลื่อนสระบุรีให้เป็นเมืองคาร์บอนต่ำ ( SARABURI LOW CARBON CITY )ภายใต้แนวทางOpen Gov. for SRI สระบุรี เเซนด์บ็อกซ์ (Saraburi Sandbox)ด้วยโครงการ“ป่าชุมชนสระบุรีเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน”.
ข้อมูลประกอบ:
ประเทศไทยมีการจัดตั้งป่าชุมชนในพื้นที่กรมป่าไม้ 12,231 แห่ง เนื้อที่ 6,308,712 ไร่ นอกจากนั้น ยังมีป่าชุมชนในพื้นที่กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ชุมชนที่ดูแลรักษาป่าชุมชนจะถูกโน้มน้าวให้เข้าร่วมโครงการ โดยมีเงินทุนสนับสนุน และมีการแบ่งปันผลประโยชน์จากการค้าคาร์บอนเครดิตจำนวนหนึ่ง
ข้อมูล ณ เดือนกันยายน 2566 พบว่า ป่าชุมชน 211 แห่ง ในพื้นที่ 18 จังหวัด กำลังกลายเป็นป่าคาร์บอน โดยเป็นป่าชุมชน (ป่าบก) 129 แห่ง ป่าชุมชนชายเลน 82 แห่ง รวมปริมาณการดูดกลับก๊าซคาร์บอน ประมาณ 1,904,463 ตันของคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า
ข้อมูลในปี 2564 ป่าธรรมชาติและป่าเศรษฐกิจในประเทศไทยมีการดูดกลับก๊าซเรือนกระจกรวมกัน 100 ล้านตันของคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ดังนั้น ยังเหลือตามเป้าหมายอีก 20 ล้านตันของคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ซึ่งต้องเพิ่มพื้นที่สีเขียวทุกประเภท ร้อยละ 55 ของพื้นที่ประเทศ รวมเนื้อที่ 177.94 ล้านไร่ ภายใน พ.ศ. 2580 เพื่อเป็นแหล่งกักเก็บก๊าซคาร์บอน และก๊าซเรือนกระจกอื่นๆ ในขณะที่ปัจจุบันมีพื้นที่สีเขียว ร้อยละ 39.60 รวมเนื้อที่ 128.12 ล้านไร่ ดังนั้น ต้องเพิ่มพื้นที่สีเขียว ประมาณ 49.82 ล้านไร่.
https://thailandtoday2020news.blogspot.com/2024/11/blog-post_89.html